สาวร้องสื่อโดนแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ หลอกเงิน

วันที่ 17 มี.ค. 2565 เวลา 14.00 น.ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นายถาวร ศรีอรัญ หรือ แดง อยุธยา รองผู้อำนวยการและบรรณาธิการข่าวภูมิภาค สำนักข่าวเจาะเกราะนิวส์ / สำนักข่าว THAI NEWS RECORD พา น.ส.เมตตา รัมมะภาพ อายุ 25 ปี ชาว ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความต่อ  ร.ต.อ.วิรุฬห์กิจ ตันเจริญ รอง สว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้โทรศัพท์มาหลอกจนเกิดมูลค่าความเสียหายรวม สองพันหกร้อยบาทบาท

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากที่ผู้เสียหายคือ น.ส.เมตตา รัมมะภาพ ได้ถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์มาหลอกลวงโดยปลอมตัวอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตามคำกล่าวอ้างจึงยอมดอนเงินไปสองพันบาท หลังจากนั้นเรื่องราวต่างๆยังไม่จบทำให้รู้สึกสังหรณ์ใจ จึงเดินทางมาปรึกษา นายถาวร ศรีอรัญ หรือ แดง อยุธยา สื่อมวลชนอาวุโสในพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อจะได้ร่วมกันขุดรากถอนโคนกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว หลังปรึกษาหาข้อมูลเรียบร้อยจึงได้ร่วมเดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยกัน

ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังข้างต้นเกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 08.00 น.ตนเองได้ไปทำธุระอยู่ที่ บ้านเลขที่ 5 ม.12 ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนมีผู้ใช้โทรศัพท์หมายเลข 0632142161โทรเข้ามาหาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ จ.สุรินทร์ พร้อมแจ้งว่าได้ตรวจสอบพบว่ามีบุคคลอื่นนำเอาชื่อของตนเองใช้ในการส่งพัสดุที่ผิดกฎหมายไปให้กับ นายสุขาน แซ่หลิว ที่ประเทศจีน ซึ่งภายในพัสดุพบ พาสปอร์ต จำนวน 15 เล่ม บัตร ATM จำนวน 10ใบ สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 5 เล่ม ถูกซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าจำนวน 10 ชุด ซึ่งตนเองก็เกิดความตกใจเพราะไม่เคยส่งพัสดุไปยังต่างประเทศ และไม่เคยรู้จักกับ นายสุซาน แซ่หลิว แต่อย่างใด จึงได้ทำการปฏิเสธไป ขณะเดียวกันคนร้ายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ได้แนะนำให้ผู้ตนเองแจ้งความ โดยทำการโอนสายไปยังคนร้ายอีกคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ และพูดโน้มน้าวให้ผู้ตนเองเพิ่มเป็นเพื่อนทางแอพลิเคชั่นไลน์ เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ

จากนั้นคนร้ายที่อ้างว่าเป็นตำรวจได้ใช้กลอุบายหลอกถาม ข้อมูลส่วนตัวของตนเองหลายอย่างคล้ายทำการสอบสวน ก่อนจะบอกให้ตนเองโอนเงินเพื่อไปตรวจสอบหากตรวจสอบเสร็จแล้วจะโอนคืน ตนเองหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงจึงโอนเงินไปทั้งหมด สองรอบ รอบแรกได้โอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 1148 0585 35 ชื่อบัญชี นางสุวรรณ สายบุตร จำนวนเงิน สองพันบาท เวลา 09.15 น.  ส่วนรอบสอง โอนเงินไปอีกจำนวน หกร้อยบาท ในเวลา 09.20 น.ในวันเดียวกัน หลังตนเองโอนเงินดังกล่าวไปแล้ว ต่อมาปรากฎว่าคนร้ายได้บอกให้โอนจำนวนเงินเพิ่มไปอีกเป็น 30,000 บาท ตนเองจึงได้บอกกับคนร้ายไปว่าตนเองนั้นเป็นเพียงนักศึกษาไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว จากนั้นคนร้ายอ้างว่าเดี๋ยวจะคุยกับหัวหน้าก่อนแล้วได้ตัดสายไป ซึ่งต่อมาตนเองไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้อีก จึงรู้ตัวว่าโดนหลอก และได้รับความเสียหาย ตนเองเป็นแค่นักศึกษาและไม่เคยพบกับเหตุการณ์ดังกล่าว  จึงเข้าปรึกษา นายถาวร ศรีอรัญ ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เพื่อเดินทางมา สภ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยกัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งในการดำเนินคดีกับนางสุวรรณ สายบุตร และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในข้อหา ฉ้อโกง พร้อมเตรียมออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ด้าน นายถาวร ศรีอรัญ รองผู้อำนวยการและบรรณาธิการข่าวภูมิภาค สำนักข่าวเจาะเกราะนิวส์ / สำนักข่าว THAI NEWS RECORD กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามิจฉาชีพมีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงไปเรื่อยๆและมีการทำงานเป็นทีม โยนสายให้อีกคนหนึ่งมารับช่วงหลอกลวง ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหลงเชื่อ ตนเองในฐานะสื่อมวลชนจึงอยากเตือนพี่น้องคนไทยทุกคนว่า ในช่วงที่เกิดการระบาดอย่างหนักของกลุ่มมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงมิจฉาชีพอื่นๆ หากเกิดความสงสัยในข้อความและมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กระทำการใดๆตามที่มิจฉาชีพกล่าวอ้าง ให้คาดการณ์ไว้ก่อนเลยว่ากำลังถูกหลอกลวง ให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ใกล้บ้านและลงบันทึกประจำวันไว้ หรือหากท่านใด พักอาศัยอยู่ที่ จว.พระนครศรีอยุธยา สามารถเดินทางมาปรึกษาตนเองได้ที่ บริษัทแดงเจริญ แสตนเลส อยุธยา จำกัด ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

Related posts